โปรแกรม 6 วัน 4 คืน : เดินทางโดยสายการบินThai Airways International
วันที่ 1 กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – ซัปโปโร (สนามบินชิโตเซะ) อาหาร (เช้า/กลางวัน/เย็น)
20.00 น.
คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูหมายเลข 2 เคาน์เตอร์ C สายการบินไทยเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระ
23.45 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินชิโตเซะ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG670 (สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
วันที่ 2 ซัปโปโร (สนามบินชิโตเซะ) – โนโบริเบทสึ – หุบเขานรกจิโกกุดานิ – ฮาโกดาเตะ – โกดังอิฐแดง – นั่งกระเช้า อาหาร (เช้า/กลางวัน/เย็น)
08.30 น.
เดินทางถึง สนามบินชิโตเซะ ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 2 ชม.)
ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว [สำคัญมาก!!ไม่อนุญาตให้นำอาหารสด จำพวก เนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ เข้าประเทศญี่ปุ่นหากฝ่าฝืนมีโทษจับปรับได้]
เมืองโนโบริเบทสึ เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเกาะฮอกไกโด ชม หุบเขานรกจิโกกุดานิ (Jigokudani) หรือเรียกอีกอย่างว่า “หุบเขานรก” อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Shikotsu-Toya เมือง Noboribetsu ที่เรียกว่าหุบเขานรกนั้น เพราะที่นี่มีทั้งบ่อโคลนและบ่อน้ำร้อนที่เดือดตามธรรมชาติกระจายไปทั่วบริเวณที่มีควันร้อนๆ พวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา และถือเป็นแหล่งกำเนิดน้ำแร่และออนเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ทางเข้าหุบเขาจะมีสัญลักษณ์เป็นยักษ์สีแดงตัวใหญ่ถือตะบองคอยต้อนรับเป็นยักษ์ที่คอยคุ้มกันภัยให้ผู้มาเยือนดังนั้นทุกบริเวณพื้นที่ของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึกห้องน้ำจะมีป้ายต่างๆที่มีสัญลักษณ์รูปยักษ์ให้เห็นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของเกาะ เมื่อครั้งอดีตได้เป็นเมืองท่าที่มีการค้าขายกับชาวต่างชาติฝั่งตะวันตก ซึ่งทำให้วัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทในเมือง ซึ่งเราจะพบเห็นได้จากโบสถ์คริสต์ ร้านอาหาร อาคารบ้านเรือนเก่าแบบตะวันตกที่ตั้งอยู่ริมเนินเขา อาคารอิฐแดงโกดังเก่าริมท่าเรือ ถนนหนทางที่กว้าง รถรางเก่าและทางเดินเท้าที่ปูด้วยหิน ประกอบกับเพลงที่เปิดทางเสียงตามสายให้ได้ยินทั่วเมือง เสริมบรรยากาศให้ฮาโกดาเตะเป็นเมืองที่สวยที่สุดแสนโรแมนติก
โกดังอิฐแดง หรือ โกดังคานะโมริ (Kanamori Soko) สัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของฮาโกะดาเตะ โกดังเก็บสินค้าของเมือง แม้อาคารที่เห็นจะเป็นอาคารใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนอาคารหลังเก่า ซึ่งถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่เผาทำลายไปเมื่อปี 1907 แต่ยังคงเอกลักษณ์และความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม
นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาฮาโกดาเตะ (Mt.Hakodate Ropeway) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกดาเตะ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) ขึ้นไปจุดชมวิวที่จะเห็นทัศนียภาพที่สวยที่สุดของเมือง ที่มีน้ำทะเลขนาบอยู่ทั้ง 2 ด้านเป็นคอคอดกระ เมื่อยามค่ำคืนบ้านเรือนและถนนหนทางจะเปิดไฟ จึงทำให้เห็นแสงระยิบระยับและยังถือเป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันงดงามของญี่ปุ่น (โดยอีกสองแห่งคือ ภูเขาอินาสะ เมืองนางาซากิ กับ ภูเขาร๊อคโกะ เมืองโกเบ)
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก YUNOKAWA KANKO HOTEL หรือเทียบเท่า ผ่อนคลายกับการแช่น้ำจากแร่ธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่น
วันที่ 3 ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ – ย่านโมโตมาจิ – ภูเขาไฟโชวะชินซัง - ฟาร์มหมีสีน้ำตาล-ทะเลสาบโทยะ - แช่น้ำแร่ธรรมช อาหาร (เช้า/-/เย็น)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate MorningMmarket) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเลือกชมอาหารทะเลขึ้นชื่อของเกาะฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็นปูหลายหลายชนิด ปลาแซลม่อน ปลาหมึก ไข่หอยเม่น กุ้ง ที่มีทั้งแบบสดและแบบแห้งหรือจะเป็นผลไม้ขึ้นชื่อตามฤดูกาลและผักพื้นเมืองหลากหลายชนิดหรือท่านจะเลือกลองกิจกรรมตกปลาหมึกหรือลิ้มลองไอศกรีมหมึกดำที่เป็นของขึ้นชื่อของเมืองฮาโกดาเตะได้อีกด้วย
ชมเมืองย่านโมโตมาจิ (Motomachi) จากเชิงเขาฮาโกดะเตะ มีถนนลาดชัน 19 สายมุ่งตรงสู่ท่าเรือ ถนนเหล่านี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักการเดินเที่ยวชมวิว เนื่องจากเรียงรายไปด้วยอาคารต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์และมีภูมิทัศน์อันหลากหลายเมื่อครั้งอดีตได้เป็นเมืองท่าที่มีการค้าขายกับชาวต่างชาติฝั่งตะวันตก ซึ่งทำให้วัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทในเมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งท่านจะพบเห็นจากโบสถ์คริสต์ ร้านอาหาร อาคารบ้านเรือนเก่าแบบตะวันตกที่ตั้งอยู่ริมเนินเขา
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
ชมภูเขาไฟโชวะซินซัง (Showa Shinzan) ซึ่งมีอนุเสาวรีย์บุรุษไปรษณีย์ผู้ค้นพบความเคลื่อนไหวและการเกิดขึ้นมาใหม่ของภูเขาไฟเกิดใหม่ประมาณปี ค.ศ.1944 -1945 ภูเขาไฟน้องใหม่ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของผิวโลกในปี1946ซึ่งระเบิดปะทุติดต่อกันนานถึง2ปีจนกลายมาเป็นภูเขาโชวะ ดังที่เห็นอยู่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของรัฐบาลในฐานะเป็น “อนุสรณ์ทางธรรมชาติแห่งพิเศษ” พร้อมบันทึกภาพเป็นที่ระลึก
ชมฟาร์มหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park) เป็นสถาที่เพาะพันธุ์หมีสีน้ำตาลที่มีตั้งแต่เจ้าหมีตัวเล็กๆไปจนถึงหมีตัวโตน้องหมีที่นี่ไม่ดุร้ายเพราะหมีที่นี่ได้รับการดูแลและฝึกให้คุ้นเคยกับคนท่านจะได้เห็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูของน้องหมีโชว์ลีลาอ้อนขออาหารจากนักท่องเที่ยว ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถป้อนอาหารเหล่าหมีทั้งหลายด้วย ขนมปัง และแอปเปิ้ล ซึ่งจะมีจุดจำหน่ายอาหารหมี
ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลมมีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตร เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟอูสุระเบิด ตั้งอยู่ใกล้กับ ทะเลสาบชิโกสึ (Lake Shikotsu) ทะเลสาบแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่น้ำจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆอยู่ตรงกลาง คือ เกาะนากาจิมะ(Nakajima Island) สามารถลงไปเดินเล่นได้ (ยกเว้นฤดูหนาว) และเมื่อครั้งอดีต ในวันที่ 7-9 ก.ค. 2008 เหล่าผู้นำ G8 ก็ได้เลือกเป็นที่จัดการประชุม โดยพักกันที่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบแห่งนี้
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก TOYA HOTEL หรือเทียบเท่า หลังอาหารค่ำ ให้ท่านได้ผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็นจากแร่ธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่น
วันที่ 4 โอตารุ – คลองโอตารุ – พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี – โรงเป่าแก้วคิตาอิชิ - ร้านกาแฟ ฮัลโหล คิตตี้ – เนินแห่ง อาหาร (เช้า/-/-)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เมืองโอตารุ (Otaru) เป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับซัปโปโร นำท่านชม คลองโอตารุ (Otaru Canal) ที่มีความยาว 1.5 กิโลเมตร ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอตารุ โดยมีโกดังเก่าบริเวณโดยรอบปรับปรุงเป็นร้านอาหารเรียงรายอยู่ คลองแห่งนี้สร้างเมื่อปี 1923 โดยสร้างขึ้นจากการถมทะเล เพื่อใช้สำหรับเป็นเส้นทางการขนถ่ายสินค้ามาเก็บไว้ที่โกดัง แต่ภายหลังได้เลิกใช้และมีการถมคลองครึ่งหนึ่งเพื่อทำถนนหลวงสาย 17 แล้วเหลืออีกครึ่งหนึ่งไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีการสร้างถนนเรียบคลองด้วยอิฐแดงเป็นทางเดินเท้ากว้างประมาณ 2 เมตร
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุเป็นหนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีในญี่ปุ่น โดยตัวอาคารมีความเก่าแก่สวยงาม และถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง
โรงเป่าแก้วคิตาอิชิ มีชื่อเสียงทางด้านการเป่าแก้วมายาวนาน โดยในอดีตนั้นจุดประสงค์ของการเป่าแก้วเพื่อใช้เป็นทุ่นให้เรือ แต่ปัจจุบันนี้เป้าหมายของการเป่าแก้วเพื่อใช้เป็นของใช้หรือของที่ระลึกแทน ซึ่งโรงเป่าแก้วคิตาอิชิเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุด โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1901 ท่ามกลางโรงเป่าแก้วที่มีอยู่มากมาย และผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโรงงานแห่งนี้ก็คือโคมไฟแก้วและลูกบอลแก้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีสอนวิธีการเป่าแก้วให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
ร้านกาแฟ ฮัลโหล คิตตี้ เพลิดเพลินกับของฝากและบรรยากาศน่ารักๆ ของตัวการ์ตูนแมวชื่อดัง คิตตี้ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าและถ่ายรูปตามอัธยาศัย
อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้งในโอตารุ
เนินแห่งพระพุทธเจ้า หรือ Hill of the Buddha ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองซัปโปโร่ ที่ถูกออกแบบโดย Mr.Tadao ando สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น พระพุทธรูปมีความสูงถึง 13.5 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 1500 ตัน ล้อบรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู ฤดูร้อนรายล้อมไปด้วยดอกลาเวนเดอร์ ฤดูหนาวก้อจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของหิมะที่ขาวโพลน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆเรียกได้ว่าเป็น Unseen Hokkaido เลยทีเดียว จากนั้นนำท่านชม โมอายแห่งเมืองฮอกไกโด หรือที่เรียกว่า (makomanai takino reien) สร้างขึ้นในปี 1982 มีเนื้อที่ทั้งหมด 1,8000,473 ตารางเมตร ด้านในมีรูปปั้นหินโมอายขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่จำนวนมาก
ช้อปปิ้ง MITSUI OUTLET PARK SAPPORO เป็นห้างสรรพสินค้ารูปแบบ Outlet mall ขนาดใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ตั้งอยู่ที่เมือง Kita-Hiroshima ชานเมืองทิศตะวันออกซัปโปโร ใกล้เส้นทางที่ไปยัง สนามบินชิโตเซ่ เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน ปี 2012 ภายในห้างมีร้านค้าแบรนด์ต่างๆกว่า 128 ร้าน รวมถึงร้านค้าปลอดภาษี ศูนย์อาหารขนาดใหญ่จุ 650 ที่นั่ง และร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและสินค้าจากฟาร์มท้องถิ่นประจำจังหวัดฮอกไกโด
ค่ำ
บริการการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร ** พิเศษสุดๆ กับเมนูปูสุดอร่อย 3 ชนิด แบบไม่อั้น **
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม T-MARK SAPPORO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 ศาลเจ้าฮอกไกโด – โรงงานช็อคโกแลตอิชิยะ – ร้านจำหน่ายของฝาก – ตลาดปลาซัปโปโร่โจไง – ช้อปปิ้งย่านทานุก
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ซัปโปโร เป็นศาลเจ้าศาสนาพุทธนิกายชินโตถือเป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะฮอกไกโด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1871 ในปัจจุบันก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวฮอกไกโดอย่างลึกซึ้งเริ่มตั้งแต่การมาสักการะในวันปีใหม่ การปัดเป่ารังควาญ วันเซ็ตสึบุน พิธีสมรสและอื่นๆ เป็นต้น ในเขตศาลเจ้าที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีกระรอกป่ามาเยี่ยมทักทาย และจะคราครํ่าไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกซากุระและดอกบ๊วยซึ่งจะบานสะพรั่งพร้อมๆ กันเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน
แวะซื้อของฝากที่ โรงงานช็อคโกแลตอิชิยะ (Shiroi Koibito Park) แหล่งผลิตช็อคโกแลตที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ตัวอาคารของโรงงานถูกสร้างขึ้นในสไตล์ยุโรปแวดล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ ซึ่งมี ช็อคโกแลตที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี้คือ Shiroi Koibito ซึ่งมีความหมายว่า ช็อคโกแลตขาวแด่คนรัก ท่านสามารถเลือกซื้อกลับไปให้คนที่ท่านรักทาน หรือว่าซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านได้
ร้านจำหน่ายของฝากของที่ระลึก ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโร่ ภายในมีสินค้าลดราคามากมาย ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าภายในร้าน
ตลาดซัปโปโรโจไก (Sapporo Jogai Market) ประกอบด้วยร้านค้า และร้านอาหารกว่า 80 ร้าน เรียงรายตลอดบล็อกขึ้นไปนอกตลาดขายส่งซัปโปโร(Sapporo’s Central Wholesale Market) เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ร้านค้าต่างๆจำหน่ายอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่ เช่น ปู หอยเม่นทะเล ไข่ปลาแซลมอน ปลาหมึก และหอยเชลล์ ผลผลิตอื่นๆในท้องถิ่น เช่น ข้าวโพด แตงโม และมันฝรั่งตามฤดูกาล ราคาก็เหมาะสม ไม่แพงมากนัก
อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ณ ตลาดปลา
อิสระ ช้อปปิ้งถนนทานุกิโคจิ (Tanukikoji) เป็นย่านช้อปปิ้งเก่าแก่ ที่เปิดให้บริการยาวนานกว่า 100 ปี จุดเด่นของย่านนี้คือการสร้างหลังคาที่คลุมทั่วตลาด ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก พายุหิมะเข้า ก็สามารถมาเดินช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากถึง 200 ร้าน โดยมีความยาวประมาณ1กิโลเมตรส่วนสินค้าก็มีทั้งเสื้อผ้าและรองเท้าแบรนด์ดังอย่าง Uniqlo, New Balance, Adidas, Puma เป็นต้น และที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือร้าน Daiso ที่ทุกอย่างราคา 100 เยน รวมไปถึงร้าน Donkiที่มีขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าไปถึงเครื่องสำอางค์ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจหรือถ้าเดินจนหมดแรงที่นี่ก็มีร้านอาหารดังๆหลายร้านคอยให้บริการอยู่ด้วย
อิสระช้อปปิ้งย่านซูซูกิโนะ (Susukino) เป็นย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโดซูซูกิโนะเต็มไปด้วยร้านค้า5,000ร้านและร้านอาหารแสงไฟนีออนเรียงรายในเวลากลางคืนและถือเป็นย่านที่คึกคักและมีชีวิตชีวาที่สุดของเมืองซัปโปโรอีกด้วย โดยอยู่ถัดลงมาทางใต้จากสวนโอโดริราวๆ 500 เมตรและอยู่รอบๆ สถานีรถไฟใต้ดิน Susukino ในเวลาค่ำคืนบรรดาป้ายไฟโฆษณาบนตึกต่างๆในย่านนี้จะเปิดไฟประชันกันสีสันละลานตาดึงดูดลูกค้ากันเต็มที่รอบๆบริเวณนี้มีร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิงเริงรมย์ยามราตรีทั้งไนต์คลับ บาร์ คาราโอเกะรวมกันมากกว่า 4,000 ร้าน ตั้งอยู่ในตรอกซอกซอยบางร้านก็ซ่อนอยู่ในตึกต้องขึ้นลิฟต์ไป แต่ก็มีพนักงานออกมาเรียกลูกค้าเสนอเมนูและบริการของร้านตนเองอยู่ริมถนนเต็มไปหมดย่านซูซูกิโนะมักจะมีชื่อเรียกที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทยและนักท่องเที่ยว “ตรอกราเมน” เป็นตรอกที่มีชื่อเสียง เพราะบริเวณนี้มีร้านราเมนให้เลือกทานกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มิโสะราเมน ชิโอะราเมน เคอร์รี่ราเมน เป็นต้น โดยมีราคาเริ่มต้นเพียงชามละ 750 เยนเท่านั้น
อิสระรับประทานอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย ณ แหล่งช้อปปิ้ง
ที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม T-MARK SAPPORO HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 ซัปโปโร (สนามบินชิโตเซะ) – กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ทำการเช็คเอาท์ และ ตรวจสอบสัมภาระก่อนเดินทางไปยัง สนามบินชิโตเซะ
10.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG671 สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
15.30 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ